ชาวจีนหัวหมอ ใช้ AI ปลอมรูปภาพสินค้า ให้ดูเหมือนของที่ได้รับเสียหาย เพื่อหลอกขอเงินคืน ทำร้านค้าเดือดร้อนหนักมาก !
ภาพจำลองการใช้ AI ปลอมรูปภาพสินค้าเสียหาย
กลายเป็นกระแสที่ถูกพูดถึงในจีน เมื่อมีรายงานว่าผู้บริโภคบางกลุ่มใช้เทคโนโลยี Generative AI ปลอมรูปภาพสินค้าให้ดูเหมือนว่าได้รับของที่เสียหาย ทั้งที่สินค้าจริงอยู่ในสภาพปกติ แล้วนำภาพปลอมเหล่านั้นไปใช้ยื่นขอเงินคืนกับร้านค้าออนไลน์ โดยพฤติกรรมลักษณะนี้เพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงเทศกาลช้อปปิ้งอย่าง 11.11 จนสร้างความเดือดร้อนให้ร้านค้าจำนวนมาก
ในรายงานจากสื่อจีนระบุว่า หลายกรณีเกิดจากผู้ซื้อถ่ายภาพผลไม้หรือสินค้าที่ได้รับมา จากนั้นแก้ไขด้วย AI ให้ดูเหมือนเน่า เสีย หรือมีความเสียหายผิดปกติ โดยบางร้านค้าระบุว่าเคยได้รับภาพแปรงสีฟันไฟฟ้าที่ถูกทำให้ดูเป็นสนิม แม้สินค้าที่ขายจะเป็นของใหม่เอี่ยมก็ตาม ขณะที่ร้านขายเสื้อผ้าก็ประสบปัญหาเช่นเดียวกัน มีลูกค้าส่งภาพชุดราตรีพร้อมรอยขาดหลุดจากเนื้อผ้า แต่เมื่อผู้ขายตรวจสอบภาพกลับพบแสงเงาและรอยตัดต่อที่ไม่สมจริง ซึ่งบ่งชี้ว่าภาพดังกล่าวน่าจะถูกปรับแต่งด้วย AI
ไม่เพียงเท่านั้น ร้านค้าบางรายยังต้องเผชิญกับเหตุการณ์ที่ผู้ซื้อส่งภาพแก้วเซรามิกที่ดูเหมือนแตกร้าวคล้ายใยแมงมุม แต่เมื่อผู้ขายขอวิดีโอเพิ่มเติมเพื่อยืนยันของจริง ลูกค้ากลับรีบยกเลิกคำขอเงินคืนทันที และเมื่อนำภาพไปตรวจด้วยเครื่องมือจับภาพปลอม ก็พบว่ามีความเป็นไปได้สูงว่าภาพจะถูกสร้างหรือปรับแต่งด้วย AI ซึ่งสร้างความเสียหายโดยตรงต่อผู้ประกอบการรายย่อยที่ต้องรับภาระต้นทุนสินค้าและค่าขนส่ง
ด้านผู้ขายหลายรายมองว่าปัญหานี้ยิ่งซับซ้อนมากขึ้น เพราะมีผู้ซื้อบางกลุ่มที่มักหาเหตุผลเพื่อขอเงินคืนโดยไม่ส่งของกลับคืนจริง ๆ และบ่อยครั้งแพลตฟอร์มช้อปปิ้งก็มีนโยบายที่เอื้อประโยชน์ต่อผู้ซื้อ ทำให้คำขอเงินคืนที่ไม่น่าเชื่อถือบางส่วนได้รับการอนุมัติโดยแทบไม่มีการตรวจสอบเพิ่มเติม ขณะที่บางร้านก็ยอมรับว่าในฝั่งผู้ขายเองก็มีการใช้ AI เพื่อทำภาพสินค้าให้ดูดีกว่าความเป็นจริง จึงยิ่งทำให้ปัญหาความไว้วางใจระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายลดลงไปอีก
เพื่อแก้ปัญหาดัวกล่าว แพลตฟอร์มช้อปปิ้งรายใหญ่ของจีนอย่างเช่น Taobao และ Tmall จึงได้ปรับนโยบายยกเลิกระบบการคืนเงินโดยไม่ต้องส่งสินค้ากลับ และเริ่มใช้ระบบประเมินคะแนนความน่าเชื่อถือของผู้ซื้อ เพื่อจำกัดพฤติกรรมการขอเงินคืนแบบไม่สมเหตุสมผล นอกจากนี้ รัฐบาลจีนยังเริ่มบังคับใช้กฎใหม่ที่กำหนดให้คอนเทนต์ที่สร้างโดย AI ต้องมีการระบุให้ชัดเจน เพื่อป้องกันการใช้ AI ในการหลอกลวงหรือปลอมแปลงข้อมูล
ในขณะเดียวกัน ร้านค้าจำนวนมากเริ่มพึ่งพาเครื่องมือตรวจจับภาพจาก AI เพิ่มเติม พร้อมทั้งขอหลักฐานอย่างวิดีโอแกะกล่องจากลูกค้า เพื่อยืนยันความถูกต้องของการขอเงินคืน หากพบว่าเป็นการปลอมแปลง นักกฎหมายเตือนว่าการใช้ AI เพื่อสร้างภาพปลอมประกอบคำขอเงินคืนอาจเข้าข่ายการฉ้อโกง ซึ่งมีโทษทางกฎหมายทั้งในรูปแบบคดีแพ่งและคดีอาญา
เหตุการณ์นี้สะท้อนด้านมืดของเทคโนโลยี AI ที่แม้จะช่วยให้หลายอย่างสะดวกขึ้น แต่ก็สามารถถูกนำไปใช้ในทางที่ผิดได้อย่างง่ายดาย ในยุคที่ภาพปลอมสามารถสร้างได้เพียงไม่กี่วินาที ความรัดกุมของมาตรการตรวจสอบและความรับผิดชอบของผู้ใช้งานทั้งสองฝ่ายจึงเป็นสิ่งจำเป็นมากกว่าที่เคย






