เทคโนโลยี AI มีผลกระทบต่อการทํางานอย่างไร อาชีพไหนอาจถูกแทนที่บ้าง กับสิ่งที่คนทำงานควรเตรียมรับมือ

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเทคโนโลยี AI (Artificial Intelligence) หรือ ปัญญาประดิษฐ์ ได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของเรามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานแอปพลิเคชัน การวิเคราะห์ข้อมูล ไปจนถึงการช่วยตัดสินใจในสิ่งต่าง ๆ ตั้งแต่เรื่องทั่วไปจนถึงธุรกิจขนาดใหญ่ แต่คำถามสำคัญที่หลายคนเริ่มกังวลก็คือ AI จะมาแทนที่เราในการทำงานไหม หรือในอีกมุมหนึ่งคือ มีอาชีพอะไรบ้างที่จะเติบโตต่อเนื่องไปกับ AI
งานประเภทไหนเสี่ยงถูก AI แทนที่ ?
เป็นที่ถกเถียงกันอย่างมากว่า AI จะมาแทนที่งานของมนุษย์หรือไม่ ซึ่งความจริงคือ AI ไม่ได้ตั้งใจจะมาแทนที่งานทุกประเภท แต่จะเข้ามาช่วยทำงานที่ซ้ำซ้อน งานที่ใช้ข้อมูลจำนวนมาก และงานที่ต้องการความแม่นยำสูง ซึ่งอาจทำให้บางตำแหน่งงานไม่จำเป็นอีกต่อไปในอนาคต โดยเฉพาะงานที่มีลักษณะซ้ำๆ หรือใช้กฎเกณฑ์ตายตัว เช่น
-
งานธุรการ เช่น การคีย์ข้อมูล การจัดการเอกสาร เพราะ AI สามารถจัดการการนัดหมาย ตอบอีเมลเบื้องต้น และจัดระเบียบเอกสารได้อย่างรวดเร็ว
-
งานบริการลูกค้าเบื้องต้น เช่น พนักงานรับโทรศัพท์หรือคอลเซ็นเตอร์ เพราะ Chatbot ที่ขับเคลื่อนด้วย AI สามารถตอบคำถามพื้นฐานและแก้ไขปัญหาทั่วไปได้ตลอด 24 ชั่วโมง
-
งานสายการผลิตในโรงงาน ที่สามารถใช้หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติแทนได้
-
งานด้านอื่น ๆ ที่ใช้เพียงความสามารถและทักษะในระดับขั้นพื้นฐาน
อย่างไรก็ตาม AI ก็ยังไม่สามารถแทนที่ทักษะที่จำเป็นสำหรับมนุษย์ได้ทั้งหมด เช่น ความคิดสร้างสรรค์ การคิดเชิงวิพากษ์ การแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อน การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ และความเห็นอกเห็นใจ ซึ่งเป็นทักษะที่เรียกว่า Human Skills หรือ Soft Skills
อาชีพไหนน่าจะรุ่งเมื่อ AI เข้ามา ?

ในขณะเดียวกันก็มีอาชีพจำนวนมากที่เติบโตสวนกระแส เพราะ AI ยังไม่สามารถเข้ามาแทนที่ได้อย่างสมบูรณ์ โดยเฉพาะงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ การตัดสินใจซับซ้อน และการเข้าใจมนุษย์ แถมยังอาจนำ AI มาช่วยในการทำงานบางส่วนให้สะดวกและประหยัดเวลามากขึ้นได้อีก เช่น
-
นักพัฒนา AI และ Data Scientist อาชีพที่ต้องวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาล และพัฒนาโมเดล AI ใหม่ ๆ
-
นักออกแบบ UX/UI เพราะการเข้าใจพฤติกรรมและอารมณ์ของผู้ใช้งานยังคงเป็นสิ่งที่ AI ทำได้ยาก
-
นักวางกลยุทธ์ธุรกิจ และ ที่ปรึกษาด้านการจัดการ ที่ต้องคิดเชิงกลยุทธ์และบริหารจัดการปัจจัยรอบด้าน
-
สายงานครีเอทีฟ เช่น นักเขียน คอนเทนต์ครีเอเตอร์ หรือผู้กำกับภาพยนตร์
-
อาชีพสายสุขภาพและจิตวิทยา ที่ต้องเข้าใจความรู้สึกและบริบทเชิงมนุษย์
ควรปรับตัวอย่างไรในยุค AI ?
การปรับตัวให้เข้ากับยุค AI ไม่ใช่เรื่องยากเกินไป หากเราเข้าใจแนวโน้มและเตรียมพร้อมรับมือ ดังนี้
-
เรียนรู้และพัฒนาทักษะใหม่ ๆ เน้นการพัฒนาทักษะที่ AI ยังทำได้ไม่ดี เช่น การคิดเชิงวิพากษ์, การแก้ปัญหาที่ซับซ้อน, ความคิดสร้างสรรค์, การสื่อสาร, การทำงานร่วมกับผู้อื่น และความฉลาดทางอารมณ์ นอกจากนี้การเรียนรู้ทักษะที่เกี่ยวข้องกับ AI เช่น การใช้เครื่องมือ AI, การทำความเข้าใจพื้นฐานของ AI หรือแม้แต่การเขียนโค้ดเบื้องต้น เพื่อช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับตัวเอง
-
ปรับใช้ AI ในการทำงาน แทนที่จะมองว่า AI เป็นคู่แข่ง ลองมองว่ามันเป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้เราทำงานได้เร็วขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น และสร้างสรรค์มากขึ้น เช่น ลองใช้ AI ช่วยในการเขียนอีเมล ร่างเอกสาร ค้นคว้าข้อมูล หรือแม้แต่สร้างงานนำเสนอ
-
มุ่งเน้นงานที่ต้องการปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์ งานที่ต้องใช้การสื่อสารแบบตัวต่อตัว การสร้างความสัมพันธ์ การให้คำปรึกษา หรือการบริหารจัดการคน ยังคงเป็นสิ่งที่มนุษย์ทำได้ดีที่สุด
-
เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ โลกกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ตลอดเวลาจึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อที่จะก้าวทันการเปลี่ยนแปลง
ในอนาคตอันใกล้นี้ AI จะเป็นทั้งคู่แข่งและเพื่อนร่วมงานในเวลาเดียวกัน ขึ้นอยู่กับว่าเราจะเตรียมตัวและปรับตัวอย่างไร หากสามารถเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ ๆ และเข้าใจวิธีทำงานร่วมกับ AI เพื่อใช้เป็นเครื่องมือช่วยเสริมศักยภาพการทำงานให้ดียิ่งขึ้นได้ ก็จะยิ่งเพิ่มโอกาสและความได้เปรียบในโลกการทำงานยุคใหม่นั่นเอง