หูฟังบลูทูธ ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 รุ่นใหม่น่าสนใจ พร้อมฟังก์ชันตัดเสียงรบกวน

แนะนำหูฟังบลูทูธ ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 หูฟังไร้สายแบบ True Wireless พร้อมฟังก์ชันตัดเสียงรบกวนจากยี่ห้อต่าง ๆ สำหรับใช้กับโทรศัพท์มือถือ

หูฟังบลูทูธ,

ในยุคที่คนใช้โทรศัพท์มือถือเริ่มหันมาใช้หูฟังบลูทูธหรือหูฟังไร้สายแบบ True Wireless กันมากขึ้น เนื่องจากมือถือหลาย ๆ รุ่นในปัจจุบันโดยเฉพาะมือถือเรือธง มักจะไม่มีช่องเสียบหูฟังมาให้ และหูฟังบลูทูธก็ยังมีข้อดีคือ การไม่มีสายเกะกะ ทำให้สามารถพกพาและหยิบมาใช้งานได้สะดวก และในวันนี้ Kapook Tech ก็ได้คัดเลือกหูฟังบลูทูธรุ่นเด่น ๆ ที่น่าสนใจในปี 2025 ของยี่ห้อต่าง ๆ มาแนะนำกัน มีให้เลือกตั้งแต่ราคาประหยัดจนถึงระดับพรีเมียม ส่วนจะมีรุ่นไหนบ้างนั้น ขอชวนเพื่อน ๆ ตามไปดูกันเลย

หูฟังไร้สาย ยี่ห้อไหนดี ปี 2025

1. JBL Tour Pro 3

 JBL Tour Pro 3

ภาพจาก : jblthailand.com

หูฟังบลูทูธ JBL ที่มาพร้อมไดรเวอร์ Hybrid dual-driver รองรับเสียงคุณภาพสูง Hi-Res ระดับ LDAC เพื่อเสียงที่คมชัดและทรงพลัง รวมทั้งรองรับเสียงรอบทิศทาง JBL Spatial 360 พร้อมการติดตามศีรษะ มีไมโครโฟน 6 ตัวที่ใช้ JBL Crystal AI Algorithm ช่วยให้เสียงสนทนาชัดเจนขึ้น และระบบตัดเสียงรบกวนที่สามารถปรับระดับการตัดเสียงได้ผ่านแอปฯ อีกทั้งยังสามารถตรวจจับได้เมื่อมีเสียงพูดคุย ระบบจะหยุดเพลงและเปิดโหมดให้ได้ยินเสียงรอบข้างอัตโนมัติ แบตเตอรี่ใช้งานได้นานสูงสุด 44 ชั่วโมง

  • JBL Tour Pro 3 ราคา 11,500 บาท

2. Redmi Buds 6

Redmi Buds 6

ภาพจาก : mi.com

หูฟังไร้สายราคาย่อมเยาจาก Xiaomi ที่มีการออกแบบระบบเสียงแบบไดรเวอร์คู่ พร้อมฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวนแบบแอ็คทีฟสูงสุดถึง 49dB และการลดเสียงรบกวนด้วย AI จากไมโครโฟนคู่ เพื่อให้เสียงสนทนาชัดเจนยิ่งขึ้น คุยได้เสียงดังฟังชัดแม้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีลมแรงถึง 9 เมตร/วินาที รองรับเสียงเซอร์ราวด์ในตัวด้วยเอฟเฟกต์เสียง 360° แบตเตอรี่สามารถใช้งานได้นานสูงสุด 42 ชั่วโมง เมื่อใช้กับเคสชาร์จ

  • Redmi Buds 6 ราคา 1,349 บาท

3. HUAWEI FreeBuds Pro 4

HUAWEI FreeBuds Pro 4

ภาพจาก : huawei.com

หูฟังบลูทูธ HUAWEI ที่มาพร้อม Dual-driver True Sound ให้เสียงคมชัด เสียงสนทนาเสถียร ด้วยระบบลดเสียงรบกวนอัจฉริยะ (Intelligent Dynamic ANC) ที่แม้คุยในที่ที่มีความเร็วลมสูงสุดถึง 10 m/s6 และในสถานการณ์ที่มีระดับเสียงรบกวนสูงถึง 100dB มีปลอกหูฟังแบบฟองน้ำที่สามารถจดจำรูปร่างลักษณะหูสามชั้นเพื่อช่วยขจัดเสียงรบกวนรอบข้างได้มากขึ้นถึง 30% นอกจากนี้ยังสามารถควบคุมหูฟังด้วยการขยับศีรษะได้ เช่น การรับสายหรือตัดสายโทรศัพท์ด้วยการพยักหน้าหรือส่ายหัว และรองรับการเชื่อมต่อพร้อมกัน 2 อุปกรณ์เพื่อสลับใช้งานได้สะดวก แบตเตอรี่ใช้งานได้นานสูงสุด 33 ชั่วโมงต่อการชาร์จเต็ม

  • HUAWEI FreeBuds Pro 4ราคา 5,990 บาท

4. Sony LinkBuds Fit

Sony LinkBuds Fit

ภาพจาก : sony.co.th

หูฟังบลูทูธ Sony ที่มีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา ด้วยตัวรองรับและจุกเอียร์บัดที่ออกแบบมาให้สามารถสวมใส่ได้สบายตลอดทั้งวัน รวมทั้งขณะออกกำลังกาย มีระบบตัดเสียงรบกวนโหมดเสียงรอบข้าง ที่จะปรับการทำงานให้เข้ากับสภาพแวดล้อมโดยอัตโนมัติ โดยจะลดเสียงรบกวนแต่ยังคงสามารถได้ยินเสียงรอบข้างที่สำคัญ สามารถควบคุมระดับเสียงและการเล่นเพลงได้ที่ตัวหูฟัง โดยสามารถปรับแต่งรูปแบบการควบคุมของหูฟังแต่ละข้างได้ตามต้องการด้วยแอปฯ Sound Connect แบตเตอรี่ใช้งานได้สูงสุด 5.5 ชั่วโมง และสามารถชาร์จจนเต็มได้ 3 ครั้งผ่านเคส

  • Sony LinkBuds Fit ราคา 7,490 บาท

5. AirPods 4

AirPods 4

ภาพจาก : apple.com

หูฟังบลูทูธไอโฟน AirPods 4 จาก Apple ที่มาพร้อมชิป H2 ทำให้เสียงและการโทร. ถูกปรับให้เข้ากับสภาพแวดล้อมการฟังได้แทบทุกรูปแบบ แม้แต่เวลาที่ต้องการความเงียบสนิท เสียงโทร. ที่ชัดขึ้นด้วยคุณสมบัติการแยกเสียง และวิธีใหม่ในการโต้ตอบกับ Siri แบบแฮนด์ฟรี แบตเตอรี่ฟังได้นานสูงสุด 5 ชั่วโมง ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง นานสุด 4 ชั่วโมง เมื่อเปิด ANC และนานสูงสุด 30 ชั่วโมง เมื่อมีเคส ชาร์จด้วยพอร์ต USB‑C สามารถใช้ร่วมกับที่ชาร์จ Apple Watch และที่ชาร์จ Qi ได้ โดยมีทั้งรุ่นปกติและรุ่นที่มาพร้อมการตัดเสียงรบกวนแบบแอ็คทีฟให้เลือก

  • AirPods 4 ราคา 4,990 บาท

  • AirPods 4 ANC ราคา 6,490 บาท

6. Samsung Galaxy Buds3 Pro

Samsung Galaxy Buds3 Pro

ภาพจาก : samsung.com

หูฟังบลูทูธ Samsung ที่มาพร้อมการรองรับ Galaxy AI ให้คุณภาพเสียงระดับ Hi-Fi กับดีไซน์แถบ Blade Lights ที่ตัวหูฟัง มีฟีเจอร์ Adaptive Noise Control ช่วยควบคุมเสียงรบกวนรอบข้างอย่างเหมาะสม มีคุณสมบัติกันน้ำ IP57 แบตเตอรี่ใช้งานได้นาน 7.30 ชั่วโมง เมื่อปิด ANC และ 6.26 ชั่วโมง เมื่อเปิด ANC

  • Samsung Galaxy Buds3 Pro ราคา 5,243 บาท

7. Xiaomi Buds 5

Xiaomi Buds 5

ภาพจาก : mi.com

หูฟังบลูทูธ Xiaomi ที่รองรับ Qualcomm aptX Lossless และ Hi-Res Audio มาพร้อมไดรเวอร์หูฟังขนาด 11 มม. ให้เบสแน่น ลำโพง Harman เสียง EFX ความคมชัดสูง มีฟีเจอร์การตัดเสียงรบกวนระดับเรือธง และสนทนาชัดขึ้นด้วยไมค์ 3 ตัว พร้อมระบบ AI ช่วยตัดเสียงรบกวนและเสียงลมที่แรงถึง 12 เมตร/วินาที บวกกับฟีเจอร์สำหรับบันทึกเสียงได้ในตัว

  • Xiaomi Buds 5 ราคา 2,990 บาท

8. Nothing Ear (open)

Nothing Ear (open)

ภาพจาก : nothing.tech

หูฟังไร้สาย Nothing ที่ให้เสียงคมชัดด้วยเทคโนโลยีเสียงแบบเปิด วอยซ์คอยล์น้ำหนักเบา พร้อมไดอะแฟรมเคลือบไทเทเนียมแบบกำหนดเอง มีระบบการตัดคลื่นเสียงรบกวน และไมโครโฟนคู่ AI Clear Voice แบตเตอรี่เล่นเสียงได้ 30 ชั่วโมง สนทนาได้ 24 ชั่วโมง มีคุณสมบัติกันน้ำ-กันฝุ่น IP54 พร้อมเคสเก็บหูฟังดีไซน์แบบบาง

  • Nothing Ear (open) ราคา 5,599 บาท

9. OPPO Enco Air4 Pro

 OPPO Enco Air4 Pro

ภาพจาก : oppo.com

หูฟังบลูทูธ OPPO ดีไซน์แบบ Earbuds ที่มาพร้อมฟีเจอร์การตัดเสียงรบกวนแบบแอ็คทีฟ มีไดรเวอร์ขนาดใหญ่ 12.4 มม. และระบบไมโครโฟน 3 ตัว เสียงสนทนาคมชัด รองรับเทคโนโลยี LHDC 5.0 และ Google Fast Pair มีคุณสมบัติกันน้ำ-กันฝุ่นระดับ IP55 เชื่อมต่อผ่านสัญญาณ Bluetooth 5.4 ความหน่วงต่ำ แบตเตอรี่ใช้งานได้สูงสุด 44 ชั่วโมง

  • OPPO Enco Air4 Pro ราคา 2,499 บาท

วิธีเลือกซื้อหูฟังบลูทูธ ต้องดูอะไรบ้าง

1. In-Ear หรือ Earbud

หูฟังบลูทูธแบบ True Wireless โดยทั่วไปจะมีรููปทรง 2 แบบ คือ แบบ In-Ear กับแบบ Earbud ซึ่งมีจุดเด่นแตกต่างกันขึ้นอยู่กับความชอบ โดยหูฟัง In-Ear จะมีลักษณะเป็นจุกสอดเข้ารูหู ทำให้หลุดยากกว่าและลดเสียงจากภายนอกได้มากกว่า แต่บางคนใส่แล้วอาจรู้สึกอึดอัด ส่วนแบบ Earbud จะให้ความรู้สึกสบายหูขณะสวมใส่มากกว่า เมื่อใส่แล้วจะยังคงได้ยินเสียงภายนอกได้ชัดเจนอยู่ แต่บางคนอาจใส่แล้วหลุดง่าย

2. ฟังก์ชันตัดเสียงรบกวน

 หูฟังบลูทูธในปัจจุบันหลาย ๆ รุ่นโดยเฉพาะรุ่นที่มีราคาสูง มักจะมีฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวน (Noise Cancelling) มาให้ในตัวด้วย โดยการใช้ไมโครโฟนบนตัวหูฟังตรวจจับเสียงรอบข้างที่รบกวนการฟังของเรา เพื่อตัดเสียงรบกวนให้ได้ยินเสียงจากหูฟังชัดเจนมากขึ้น นอกจากนี้ระบบตัดเสียงของบางรุ่นจะมีความล้ำมากกว่าปกติ หรือมีการใช้เทคโนโลยีเช้ามาช่วยด้วย อย่างเช่นการเลือกตัดเสียงรบกวนรอบข้างแต่ยังคงได้ยินเสียงที่สำคัญหรือควรได้ยินอยู่

3. ความจุแบตเตอรี่

ถึงแม้ว่าหูฟังบลูทูธมักจะมีกล่องเคสที่เป็นเสมือนแบตเตอรี่สำรองไว้ชาร์จหูฟังได้ในตัว แต่ถ้าคิดอยากใช้คุยหรือฟังเพลงต่อเนื่องได้นาน ๆ โดยที่ไม่ต้องใส่กล่องชาร์จบ่อย ๆ ควรมองหารุ่นที่แบตเตอรี่ใหญ่ ๆ ทั้งในตัวหูฟังและในเคส เพื่อให้สามารถใช้งานได้ยาวนานมากขึ้น

4. คุณสมบัติกันน้ำ

ถ้าหากชอบใส่หูฟังบลูทูธไปข้างนอกตลอดเวลา ในช่วงหน้าฝนหูฟังก็อาจเปียกฝนได้ รวมถึงการใส่ออกกำลังกายหรือเล่นน้ำ การเลือกหูฟังที่มีคุณสมบัติสามารถกันน้ำได้ดีก็จะสามารถช่วยป้องกันเหงื่อหรือน้ำเข้าได้ โดยถ้าเป็นรุ่นที่รองรับ IPX4 ขึ้นไป ก็จะสามารถกันฝนหรือกันน้ำกระเด็นใส่ได้ แต่ถ้าหากเป็น IPX7 ก็จะสามารถใส่อาบน้ำหรือว่ายน้ำได้เลย

หลังจากที่ได้ทำความรู้จักกับหูฟังบลูทูธรุ่นต่าง ๆ ที่น่าสนใจกันไปแล้ว หากเพื่อน ๆ คนไหนกำลังอยากได้หูฟังมาใช้สักอัน แต่ยังเลือกไม่ถูกว่าจะซื้อรุ่นไหนดี บทความนี้ก็น่าจะช่วยให้ตัดสินใจกันได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตาม ราคาที่ระบุไว้เป็นเพียงราคาเบื้องต้นเท่านั้น ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับการปรับราคาของร้านตัวแทนจำหน่ายและโปรโมชั่นในช่วงต่าง ๆ เพราะฉะนั้นขอแนะนำให้เช็กราคากันอีกครั้งก่อนตัดสินใจซื้อด้วยนะครับ

บทความแนะนำ Gadget อื่น ๆ ที่น่าสนใจ

ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก : samsung.com, oppo.com, mi.com, sony.co.th, apple.com, huawei.com, nothing.tech, jblthailand.com

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
หูฟังบลูทูธ ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 รุ่นใหม่น่าสนใจ พร้อมฟังก์ชันตัดเสียงรบกวน อัปเดตล่าสุด 6 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 00:09:28 19,561 อ่าน
TOP