วิธีประหยัดแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือ เพื่อให้ใช้งานได้นานที่สุดเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์น้ำท่วมรุนแรงหรือภัยพิบัติต่าง ๆ
ภาพจาก : ymgerman / shutterstock.com
เมื่อเกิดน้ำท่วมรุนแรง สิ่งสำคัญที่สุดคือการมีช่องทางสื่อสารที่ใช้งานได้ เพราะโทรศัพท์มือถืออาจเป็นอุปกรณ์เดียวที่ใช้ติดต่อครอบครัว ขอความช่วยเหลือ หรือรับข้อมูลแจ้งเตือนฉุกเฉิน แต่ในสถานการณ์ที่ไฟดับหรือหาที่ชาร์จไม่ได้ การยืดอายุแบตเตอรี่ให้ได้นานที่สุดคือเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง และนี่คือวิธีประหยัดแบตเตอรี่มือถือแบบเข้าใจง่าย ทำได้ทันที และมีประโยชน์มากในช่วงวิกฤตน้ำท่วม
วิธีประหยัดแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือ
1. เปิดโหมดประหยัดพลังงาน
เลือกเปิด Power Saving Mode / Ultra Power Saving Mode หรือโหมดประหยัดพลังงานสูงสุด ซึ่งโหมดนี้จะจำกัดการทำงานเบื้องหลังต่าง ๆ รวมทั้งลดแสงหน้าจอ ปิดการสั่น ปิดแอปฯ และฟีเจอร์ที่ไม่จำเป็น ซึ่งสามารถช่วยยืดพลังงานแบตเตอรี่ได้หลายชั่วโมง
2. ลดความสว่างหน้าจอ
หน้าจอคือเป็นหนึ่งในส่วนที่กินแบตเตอรี่มากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเปิดความสว่างหน้าจอมาก ๆ ควรลดความสว่างหน้าจอลงให้เหลือแค่พอมองเห็นและใช้งานได้ รวมทั้งปิดการปรับแสงอัตโนมัติ (Auto Brightness) เพื่อไม่ให้หน้าจอสว่างขึ้นเองตามสภาพแสงรอบข้าง
3. ปิดการเชื่อมต่อที่ไม่จำเป็น
ปิด Wi-Fi, Bluetooth, Hotspot ในขณะที่ไม่ได้ใช้งาน รวมทั้งปิดฟีเจอร์การแชร์ตำแหน่าง GPS/Location หากไม่จำเป็นต้องใช้ นอกจากนี้ก็อาจเปิดเครื่องบิน (Airplane Mode) เมื่อต้องการพักการติดต่อ และกลับมาเปิดเป็นช่วง ๆ เฉพาะตอนที่จำเป็นต้องเช็กสัญญาณเตือน ข้อความสำคัญ หรือติดต่อผู้อื่นเท่านั้น
4. ใช้การส่งข้อความแทนการโทร.
การโทร. เสียงจะกินแบตเตอรี่มากกว่าการข้อความ จึงแนะนำให้ใช้การส่งข้อความแบบ SMS, LINE แบบตัวหนังสือ หรือช่องทางที่ใช้ Data น้อย และหลีกเลี่ยงการโทร. วิดีโอหรือส่งไฟล์รูปขนาดใหญ่
5. ปิดแจ้งเตือนแอปฯ ที่ไม่จำเป็น
การแจ้งเตือนอาจทำให้เครื่องเกิดการสั่น หน้าจอสว่าง ซึ่งใช้พลังงาน แนะนำให้ปิดการแจ้งเตือนจากแอปฯ ที่ไม่สำคัญ เช่น เกมและโซเชียลต่าง ๆ เหลือเฉพาะแอปฯ ที่จำเป็น เช่น โทรศัพท์, ข้อความ, แอปฯประกาศเตือนภัย
6. ปิดแอปฯ เบื้องหลังให้หมด
หากมีแอปฯ ที่เปิดทิ้งไว้ให้ปิดแอปฯ ที่ค้างอยู่ทั้งหมด และหลีกเลี่ยงการเปิดหลายแอปฯ พร้อมกัน โดยเฉพาะเกม แอปฯ โซเชียล และการดูวิดีโอ เพราะกินแบตเตอรี่ค่อนข้างเยอะ
7. ปิดเครื่องในช่วงที่ไม่ได้ใช้งาน
หากต้องการยืดแบตเตอรี่ให้ได้นานที่สุด และยังไม่จำเป็นต้องใช้งาน อาจปิดเครื่องและเปิดเฉพาะเวลาต้องติดต่อหรือเช็กข้อมูล แต่ต้องไม่ลืมด้วยว่าปิดเครื่องแล้วจะไม่ได้รับการแจ้งเตือนฉุกเฉินในทันที
8. เตรียมแบตเตอรี่สำรอง (ถ้ามี)
หากมีแบตเตอรี่สำรองหรือ Power Bank ให้พกติดตัวไว้ด้วย เพราะจะช่วยให้สามารถชาร์จโทรศัพท์มือถือได้เมื่อแบตเตอรี่หมด
ในช่วงน้ำท่วมรุนแรงหรือเหตุภัยพิบัติต่าง ๆ แบตเตอรี่มือถือถือเป็นทรัพยากรชีวิตที่ต้องใช้ให้คุ้มค่าที่สุด การใช้วิธีประหยัดพลังงานอย่างถูกต้องจะช่วยให้สามารถรับข่าวสาร ขอความช่วยเหลือ และติดต่อคนสำคัญได้ยาวนานขึ้น เมื่อต้องอยู่ในพื้นที่ที่ไฟดับหรือหาที่ชาร์จไม่ได้






