มือถือ 2026 จ่อคิวเปิดตัวใหม่ มีรุ่นไหนเด่น ๆ บ้าง อยากรู้ต้องอ่าน !

ส่องโทรศัพท์มือถือ 2026 หลากหลายยี่ห้อที่น่าจะเตรียมเปิดตัวใหม่ในประเทศไทยเร็ว ๆ นี้ พร้อมข้อมูลด้านสเปกต่าง ๆ จะมีรุ่นไหนโดดเด่นน่าสนใจบ้าง ถ้าอยากรู้ต้องตามไปดู

มาอัปเดตข้อมูลล่าสุดกันกับโทรศัพท์มือถือใหม่รุ่นต่าง ๆ ที่กำลังจ่อคิวเปิดตัวและน่าจะวางจำหน่ายในประเทศไทยช่วงปี 2026 ซึ่งก็มีทั้งรุ่นที่มีข่าวลือข้อมูลหลุดออกมาก่อน และรุ่นที่เคยเปิดตัวไปในต่างประเทศแล้ว โดยวันนี้เราได้รวบรวมข้อมูลมือถือ 2026 รุ่นเด่น ๆ ที่น่าสนใจมาฝากกันว่าแต่ละรุ่นจะมีสเปกและการอัปเกรดเทคโนโลยีอะไรใหม่ ๆ เข้ามาบ้าง

มือถือเปิดตัวใหม่ 2026 น่าจะมีรุ่นไหนบ้าง

1. OPPO Reno15 Series

OPPO Reno15 Series

ภาพจาก : oppo.com

OPPO Reno15 Pro และ Reno15 มือถือรุ่นระดับกลางที่เน้นจุดเด่นเรื่องประสิทธิภาพกล้อง โดยในรุ่นนี้หลัก ๆ จะเป็นการอัปเกรดสเปกฟีเจอร์ด้านกล้องพร้อมทั้งความจุแบตเตอรี่ และฟีเจอร์ใหม่อย่าง Multiple Live Photo Collage ที่สามารถถ่ายภาพนำมาต่อกันได้สูงสุด 3 รูป กับลูกเล่นในการแยกวัตถุออกจากฉากหลังได้ด้วย AI

สำหรับจุดเด่นของของตัวท็อปอย่าง OPPO Reno15 Pro ที่ไม่มีในรุ่นพื้นฐานก็คือฟีเจอร์สำหรับการไลฟ์สตรีมมิ่งอย่างเช่นระบบป้องกันภาพสั่นไหวทั้งกล้องหน้ากับกล้องหลัง ฟีเจอร์ลดเสียงรบกวนด้วยไมโครโฟน 3 ตัว และฟีเจอร์ที่ใช้ AI ตรวจจับไฮไลท์สำคัญขณะไลฟ์สตรีมมิ่ง ซึ่งทำให้สามารถกดย้อนกลับไปได้มากสุด 60 วินาทีเพื่อบันทึกช่วงไฮไลท์นั้น ๆ เก็บไว้

OPPO Reno15 Pro จะมาพร้อมหน้าจอ AMOLED ขนาด 6.78 นิ้ว ความละเอียด 1.5K รองรับ 120Hz ใช้ชิปประมวลผล Dimensity 8450 รองรับ 5G และ Wi-Fi 6 มีกล้องหลัง 200MP OIS พร้อมเลนส์ Ultrawide 50MP และ Telephoto 50MP ที่รองรับ 3.5x Optical zoom กล้องหน้า 50MP แบตเตอรี่ 6500mAh รองรับชาร์จเร็ว SUPERVOOC 80W และชาร์จไร้สาย AIRVOOC 50W มีคุณสมบัติกันน้ำกันฝุ่น IP66/IP68/IP69 ส่วนรุ่นพื้นฐาน Reno15 จะมีหน้าจอขนาด 6.32 นิ้ว แบตเตอรี่ 6200mAh ไม่รองรับชาร์จไร้สาย

คาดว่า OPPO Reno15 Series จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในไทยประมาณช่วงต้นปี 2026

2. Xiaomi 17 Series

Xiaomi 17 Series

ภาพจาก : mi.com

โทรศัพท์มือถือซีรีส์เรือธงที่แบ่งออกเป็นตัวท็อปสุด Xiaomi 17 Pro Max และรุ่นรอง Xiaomi 17 Pro พร้อมทั้งรุ่นพื้นฐาน Xiaomi 17 ที่แต่ละรุ่นต่างก็มาพร้อมเทคโนโลยีและฟีเจอร์ใหม่ ๆ โดยเฉพาะในรุ่น Pro Series ที่มีหน้าจอด้านหลังเครื่องอันโดดเด่นไม่เหมือนใคร

          Xiaomi 17 จะมีดีไซน์บางเบาด้วยตัวเครื่องที่มีความหนา 8.06 มม. และน้ำหนัก 191 กรัม โดยมาพร้อมหน้าจอ OLED แบบ 19.6:9 screen ratio ขนาด 6.3 นิ้ว ความละเอียด 1.5K รองรับ 120Hz ความสว่างสูงสุด 3500nits ใช้ชิปประมวลผลระดับเรือธงตัวล่าสุดอย่าง Snapdragon 8 Elite Gen 5 กล้องหลัง 3 เลนส์ ความละเอียด 50MP ทั้งเลนส์หลัก เลนส์ Ultrawide และเลนส์ Telephoto กล้องหน้ามีความละเอียด 50MP แบตเตอรี่ 7000mAh ชาร์จเร็ว 100W รองรับ PPS ชาร์จไร้สาย 50W

สำหรับ Xiaomi 17 Pro จะมีจุดเด่นหลักเป็นหน้าจอด้านหลังเครื่องที่เรียกว่า Dynamic Back Display ซึ่งสามารถปรับแต่งการแสดงผลได้หลากหลาย นอกจากนี้ก็ยังมาพร้อมกล้อง Leica Summilux ที่ได้รับการอัปเกรดประสิทธิภาพด้านออปติคอลรอบด้าน ทั้งรูรับแสงกว้าง f/1.67 เลนส์แบบ 1G+6P เคลือบผิวเลนส์ลดแสงสะท้อน ขับเคลื่อนด้วย Light Fusion 950L ที่ใช้เซนเซอร์ขนาดใหญ่ 1/1.28 นิ้ว และเทคโนโลยี LOFIC High Dynamic เจเนอเรชันใหม่ สามารถให้ช่วงไดนามิกของเซนเซอร์สูงถึง 16.5EV บวกกับเลนส์ Inverted Floating Telephoto และรองรับการถ่ายภาพมาโครระยะใกล้สุด 20 ซม.

ส่วน Xiaomi 17 Pro Max จะมีสเปกบางส่วนที่อัปเกรดให้เหนือกว่ารุ่น Pro ก็คือกล้องเลนส์ 5x Periscope Telephoto ที่ใช้เซนเซอร์ขนาดใหญ่เป็น 1/2 นิ้ว รูรับแสงกว้าง f/2.6 และรองรับ HDR ในระดับฮาร์ดแวร์ โดยโครงสร้างปริซึมรับแสงแบบใหม่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเก็บแสง ทำให้ปริมาณแสงที่รับได้มากขึ้นถึง 30% นอกจากนี้หน้าจอก็ยังใช้เทคโนโลยีการจัดเรียงพิกเซลแบบอิสระ ช่วยให้ได้ความคมชัดที่สูงขึ้น พร้อมทั้งประหยัดพลังงานมากกว่าหน้าจอทั่วไป อีกทั้งยังเป็นกระจก Xiaomi Shield Glass 3.0 ที่มีความแข็งแรงทนทานเป็นพิเศษ กับแบตเตอรี่ขนาด 7500mAh

คาดว่า Xiaomi 17 Series จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในไทยประมาณช่วงต้นปี 2026

3. iPhone 17e

iPhone 17e

ภาพ iPhone 16e จาก apple.com

จากข่าวลือคาดว่า iPhone 17e จะมาพร้อมกับดีไซน์ตัวเครื่องแบบใหม่ โดยหน้าจอจะมาพร้อมกับ Dynamic Island‌ เช่นเดียวกับที่มีใน iPhone 15 หลังจากที่ iPhone 16e ยังคงเป็นแบบรอยบากเหมือนกับ iPhone 14 นอกจากนี้ยังมีการอัปเกรดชิปประมวลผลจาก A18 ไปเป็นตัวใหม่อย่าง A19 สำหรับหน้าจอของ iPhone 17e น่าจะยังคงเป็นจอ OLED ขนาด 6.1 นิ้ว พร้อมอัตรารีเฟรช 60Hz มีกล้องหน้า 18MP รองรับ Face ID และ Center Stage กับกล้องหลัง 48MP ซึ่งแน่นอนว่ารุ่นนี้จะยังคงเน้นจุดขายด้านราคาเช่นเดิม

หาก iPhone 17e เปิดตัวในช่วงเดียวกับที่เปิดตัว iPhone 16e ก็มีความเป็นไปได้ที่จะเปิดตัวในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2026

4. Samsung Galaxy S26 Series

Samsung Galaxy S26 Series

ภาพ Galaxy S25 จาก samsung.com

จากข้อมูลหลุดล่าสุดดูเหมือนว่า Samsung Galaxy S26 Series ใช้ชิป Exynos 2600 แล้ว (และใช้ Snapdragon 8 Elite Gen 5 ในบางประเทศ) โดยตัวท็อปสุด Galaxy S26 Ultra อาจรองรับการชาร์จเร็วมากกว่า 45W หรืออาจเร็วถึง 60W และมีแบตเตอรี่ที่ขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 5500mAh แต่บางแหล่งข่าวก็บอกว่าจะยังคงใช้แบตเตอรี่ 5000mAh เท่ากับ Galaxy S25 Ultra

สำหรับในด้านของสเปกกล้อง Samsung Galaxy S26 Ultra อาจใช้กล้องหน้าแบบซ่อนใต้จอ ซึ่งจะทำให้มองไม่เห็นรูกล้องบนหน้าจอเช่นเดียวกับที่ใช้ในมือถือตระกูล Galaxy Z Fold รุ่นหลัง ๆ ส่วนกล้องหลังจะมี 3 เลนส์ โดยประกอบไปด้วยกล้องหลัก 200MP พร้อมรูรับแสงที่ใหญ่ขึ้น + Ultrawide 50MP + Telephoto 3x 12MP + Telephoto 5x 50MP รวมถึงดีไซน์โมดูลกล้องก็อาจถูกปรับเปลี่ยนใหม่ให้คล้ายกับของ Galaxy Z Fold7 อีกด้วย ส่วนความละเอียดกล้องหน้าของทั้ง 3 รุ่นจะยังคงเป็น 12MP เหมือนเดิม

สุดท้ายก็ยังมีข้อมูลหลุดระบุไว้ด้วยว่า ปากกาก S-Pen จะมีการปรับดีไซน์ใหม่เล็กน้อยเพื่อให้เข้ากับตัวเครื่อง ส่วนจะมีบลูทูธภายในตัวหรือไม่นั้นยังไม่เป็นที่แน่ชัด รวมทั้งมาพร้อมระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นใหม่อย่าง One UI 8.5 บนพื้นฐาน Android 16 ซึ่งมีฟีเจอร์ที่คาดว่าจะถูกเพิ่มเข้ามาให้ใช้งานได้เฉพาะใน Samsung Galaxy S26 Ultra เท่านั้นก็คือ Privacy Display ที่ทำงานคล้ายกับฟิล์มกันส่อง ทำให้สามารถซ่อนเนื้อหาบนหน้าจอเพื่อไม่ให้คนรอบข้างสามารถแอบดูได้ โดยที่ไม่จำเป็นต้องติดฟิล์มกันส่องบนหน้าจอเพิ่มเติม

คาดว่า Samsung Galaxy S26 Series จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในไทยประมาณช่วงเดือนมีนาคม 2026

5. iPhone 18 Pro Series

iPhone 18 Pro Series

ภาพจำลอง iPhone 18 Pro

ดีไซน์รวม ๆ ของ iPhone 18 Pro ที่คาดว่าจะเปิดตัวในช่วงเดือนกันยายน 2026 จะคล้ายกับ iPhone 17 Pro แต่มีการปรับให้กระจกหลังกลมกลืนกับกรอบเครื่องมากขึ้น รุ่น Pro Max จะมีความหนาและน้ำหนักเพิ่มขึ้นจนมีลุ้นว่าอาจกลายเป็น iPhone ที่หนักที่สุดเท่าที่เคยมี โดยคาดว่าจะหนักมากกว่า 240 กรัม

ด้านสีสัน Apple กำลังทดสอบสีใหม่ ๆ เช่น โทนน้ำตาลกาแฟ ม่วง และเบอร์กันดี ส่วนขนาดหน้าจอยังคงเท่าเดิมคือ 6.3 นิ้ว และ 6.9 นิ้ว ตามลำดับ ที่น่าสนใจคือข่าวลือเรื่อง Dynamic Island และ Face ID ใต้หน้าจอที่ยังไม่ลงตัวนัก บางแหล่งระบุว่า Dynamic Island อาจหายไปเหลือเพียงช่องกล้องเล็ก ๆ แต่ข้อมูลส่วนใหญ่ระบุว่าจะยังคงอยู่ เพียงแต่มีขนาดเล็กลง

ในส่วนของกล้อง รุ่น Pro มีการอัปเกรดที่น่าจับตามอง โดยเลนส์หลักอาจรองรับรูรับแสงปรับได้ ช่วยให้ควบคุมแสงและโบเก้ได้ละเอียดขึ้น อีกทั้งยังมีโอกาสได้ใช้เซนเซอร์แบบสามชั้นรุ่นใหม่ของ Samsung ที่ช่วยลด Noise และเพิ่ม Dynamic Range ทำให้ประสิทธิภาพการถ่ายภาพดีขึ้นมาก โดยเลนส์หลักและ Telephoto ยังมีรูรับแสงใหญ่ขึ้น รองรับการถ่ายในที่แสงน้อยได้ดีขึ้น

เรื่องประสิทธิภาพ รุ่น Pro จะใช้ชิป A20 รุ่นใหม่แบบ 2nm ซึ่งให้ความเร็วเพิ่มขึ้นราว 15% และประหยัดพลังงานมากขึ้นกว่าเดิม 30% โดยชิป A20 จะมีเทคโนโลยีการวาง RAM ไว้บนเวเฟอร์เดียวกัน ทำให้ทำงานด้าน AI เร็วขึ้นและกินพื้นที่น้อยลง นอกจากนี้ยังมีโมเด็ม C2 รุ่นใหม่ที่คาดว่าจะรองรับ mmWave 5G และให้ความเร็วระดับใกล้เคียงกับโมเด็ม Qualcomm ในปัจจุบัน

สำหรับรุ่น Air จะเปิดตัวพร้อมกับรุ่น Pro โดยคาดว่าจะยังคงมีดีไซน์คล้ายกับรุ่น Air ปัจจุบัน แต่ภายในจะถูกอัปเกรดด้วยชิปใหม่และโมเด็มใหม่ รวมถึงปรับประสิทธิภาพเล็กน้อยเพื่อให้ทำงานได้ลื่นไหลขึ้น

6. iPhone Fold

iPhone Fold

ภาพจำลอง iPhone Fold

โทรศัพท์พับได้รุ่นแรกของ Apple ที่คาดว่าจะเปิดตัวพร้อมกับ iPhone 18 Pro ในเดือนกันยายน 2026 ดีไซน์ของรุ่นพับได้จะเป็นแบบ Book-style คล้ายกับ Samsung Galaxy Fold เมื่อพับเครื่องจะมีหน้าจอด้านนอกขนาดราว 5.5 นิ้ว ส่วนเมื่อกางออกจะเผยให้เห็นหน้าจอด้านในขนาดใหญ่ถึง 7.8 นิ้ว โดยความบางของเครื่องเมื่อกางอยู่ที่ประมาณ 4.5–4.8 มิลลิเมตร และเมื่อพับจะอยู่ที่ประมาณ 9 มิลลิเมตร ตัวเครื่องคาดว่าจะใช้วัสดุไทเทเนียมร่วมกับอะลูมิเนียม เพื่อให้มีความแข็งแรงแต่ไม่หนักจนเกินไป

นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าบานพับถูกออกแบบด้วยไทเทเนียม สเตนเลส และโลหะเหลว ทำให้แทบไม่เห็นรอยพับบนหน้าจอ ถือเป็นจุดที่ทำให้โครงการนี้ใช้เวลาหลายปีในการพัฒนา ด้านกล้องหลังคาดว่าจะให้เลนส์หลักและอัลตร้าไวด์ความละเอียด 48MP ทั้งคู่ ส่วนกล้องหน้าเป็นแบบใต้จอความละเอียด 24MP ซึ่งเป็นค่าที่สูงกว่ามือถือทุกรุ่นที่ใช้กล้องใต้จอมาก่อน สำหรับระบบยืนยันตัวตนอาจไม่มี Face ID แต่จะใช้ Touch ID ที่ปุ่มด้านข้างแทน

ราคาของรุ่นพับได้ถูกคาดการณ์ว่าสูงมาก อาจแตะระดับ 1,800-2,500 ดอลลาร์ หรือประมาณ 65,000-90,000 บาท ซึ่งสูงเกือบเป็น 2 เท่าของ iPhone รุ่นโปรในปัจจุบัน

ทั้งนี้ สำหรับ iPhone 18 รุ่นพื้นฐานและรุ่นประหยัดอย่าง iPhone 18e นั้นคาดว่าจะเปิดตัวในช่วงต้นปี 2027 และนอกจากมือถือรุ่นต่าง ๆ ที่ได้กล่าวถึงไปแล้ว ในปี 2026 ก็น่าจะมีมือถือยี่ห้ออื่น ๆ เตรียมเปิดตัวกันอีกมากมายหลายรุ่น เพียงแต่ยังไม่มีข้อมูลในขณะนี้ ยังไงก็คงต้องรอติดตามข่าวกันต่อไปนะครับ

บทความโทรศัพท์มือถือ 2026 อื่น ๆ ที่น่าสนใจ

ขอบคุณข้อมูลจาก : macrumors.com, 9to5mac.com, cnet.com, sammobile.com, phonearena.com, stuff.tv, mozillion.com
ขอบคุณภาพจาก : samsung.com, apple.com
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก : mi.com, (2), (3), oppo.com, (2)

เรื่องน่าสนใจอื่นๆ
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
มือถือ 2026 จ่อคิวเปิดตัวใหม่ มีรุ่นไหนเด่น ๆ บ้าง อยากรู้ต้องอ่าน ! อัปเดตล่าสุด 17 ธันวาคม 2568 เวลา 21:38:56 5,280 อ่าน
TOP