ทำความรู้จัก Cloudflare คืออะไร ทำไมถึงเป็นสาเหตุให้หลายเว็บล่มพร้อมกันทั่วโลกในวันที่ 18 พฤศจิกายน 2025
ภาพจาก : T. Schneider / shutterstock.com
จากเหตุการณ์ที่ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตทั่วโลกต้องประสบปัญหาเว็บไซต์ล่มพร้อมกันเป็นวงกว้างในวันที่ 18 พฤศจิกายน 2025 ทั้งโซเชียลมีเดียชื่อดัง บริการสตรีมมิ่ง ไปจนถึงแพลตฟอร์ม AI หลายแห่งไม่สามารถเข้าใช้งานได้ ทำให้หลายคนเริ่มตั้งคำถามว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ และทำไมบริการที่ชื่อว่า Cloudflare จึงกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เว็บใหญ่ ๆ ล่มพร้อมกันทั่วโลก สำหรับใครที่กำลังสงสัย วันนี้เราจะพาไปรู้จักว่า Cloudflare คืออะไร ทำงานอย่างไร และเหตุใดจุดขัดข้องเพียงหนึ่งเดียวจึงส่งผลกระทบได้กว้างขนาดนี้
Cloudflare คืออะไร ?
Cloudflare คือผู้ให้บริการด้านโครงสร้างพื้นฐานบนอินเทอร์เน็ตที่มีบทบาทสำคัญอย่างมากในโลกออนไลน์ปัจจุบัน แม้หลายคนอาจไม่รู้ตัวว่าเว็บไซต์จำนวนมากที่ใช้อยู่ทุกวันพึ่งพาระบบของ Cloudflare อยู่เบื้องหลัง ซึ่งบริการหลัก ๆ ของ Cloudflare จะครอบคลุมทั้งการเป็นเซิร์ฟเวอร์เก็บข้อมูลเว็บไซต์ตั้งไว้ในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกเพื่อให้ผู้ใช้สามารถโหลดหน้าเว็บได้เร็วขึ้น, ระบบป้องกันการโจมตี DDoS ที่ช่วยให้เว็บปลอดภัยจากการส่งทราฟฟิกจำนวนมหาศาลจากผู้ไม่หวังดี รวมถึงบริการ DNS, Firewall และระบบคัดกรองบอต ซึ่งทั้งหมดนี้กลายเป็นส่วนสำคัญของอินเทอร์เน็ตยุคใหม่ที่ช่วยให้เว็บต่าง ๆ ทำงานได้รวดเร็ว ปลอดภัย และพร้อมรองรับผู้ใช้จำนวนมากได้ตลอดเวลา
เพราะบริการของ Cloudflare ถูกใช้โดยเว็บและแอปพลิเคชันขนาดใหญ่ทั่วโลก โครงสร้างพื้นฐานของบริษัทจึงมีลักษณะเป็นโครงข่ายกลางที่เว็บไซต์จำนวนมากเชื่อมต่อและพึ่งพาอยู่ ทำให้เมื่อ Cloudflare มีปัญหาแม้เพียงจุดเดียว ก็อาจส่งผลกระทบต่อบริการบนอินเทอร์เน็ตเป็นวงกว้างได้ทันที นี่คือเหตุผลว่าทำไมหลายครั้งเวลาเว็บดัง ๆ ล่มพร้อมกัน มักมีสาเหตุมาจากปัญหาที่เกิดในโครงข่ายของ Cloudflare ซึ่งไม่ใช่ความผิดพลาดของเว็บไซต์เหล่านั้นโดยตรง เพราะตัวเว็บไซต์ยังสามารถทำงานได้ปกติ แต่ Cloudflare ที่เป็นเสมือนทางผ่านนั้นมีปัญหาจึงทำให้ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตไม่สามารถเข้าถึงเว็บไซต์หรือบริการของแอปพลิเคชันเหล่านั้นได้
Cloudflare ทำเว็บล่มทั่วโลกในวันที่ 18 พฤศจิกายน 2025
เหตุการณ์ใหญ่ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2025 ถือเป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจน เนื่องจาก Cloudflare ประสบปัญหาระดับโครงสร้างพื้นฐาน ทำให้เว็บไซต์และบริการออนไลน์ยอดนิยมอย่าง X (Twitter เดิม), ChatGPT, Spotify และอีกหลายแพลตฟอร์มเกิดปัญหาในการเข้าใช้งานหรือไม่สามารถใช้งานได้ โดยทาง Cloudflare ได้ออกมาชี้แจงในภายหลังว่าเหตุขัดข้องครั้งนี้ไม่ได้มาจากการโจมตีไซเบอร์ตามที่หลายฝ่ายคาด แต่มาจากความผิดพลาดด้านซอฟต์แวร์และการกำหนดค่าระบบ โดยเฉพาะไฟล์ที่ใช้จัดการข้อมูลภัยคุกคามซึ่งมีขนาดใหญ่เกินกว่าที่ซอฟต์แวร์บางส่วนของระบบจะรับไหว ทำให้ส่วนสำคัญเกิดการล่มลง และส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่เนื่องจากโครงสร้างที่เชื่อมโยงกันทั่วโลก เมื่อระบบแกนกลางมีปัญหา เว็บไซต์ที่พึ่งพาบริการนั้นก็พลอยล่มตามไปด้วยในทันที
เหตุการณ์นี้สร้างความตื่นตัวให้ทั้งผู้ใช้และผู้ดูแลระบบเว็บทั่วโลก เพราะสะท้อนให้เห็นว่าอินเทอร์เน็ตยุคใหม่แม้จะล้ำหน้าและซับซ้อนเพียงใด ก็ยังมีจุดอ่อนเชิงสถาปัตยกรรมอยู่ไม่น้อย เว็บไซต์จำนวนมากต่างพึ่งพาโครงสร้างร่วมกัน ซึ่งช่วยให้ใช้งานได้สะดวก แต่ก็ทำให้เสี่ยงเกิดการล่มแบบโดมิโนหากระบบแกนกลางเกิดปัญหา ผู้ดูแลเว็บจำนวนมากจึงเริ่มหันมาพิจารณาการมีแผนสำรอง เช่น การใช้ multi-CDN หรือการกระจาย DNS เพื่อไม่ให้ระบบทั้งหมดพึ่งพาเพียงผู้ให้บริการรายเดียว
ในภาพรวม เหตุการณ์ Cloudflare ล่มครั้งใหญ่ทำให้ทุกคนตระหนักว่าโครงสร้างที่เราไม่เห็นด้วยตา แต่ทำงานเบื้องหลังตลอดเวลา มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อชีวิตประจำวันบนโลกออนไลน์ และแม้จะไม่ได้เกิดบ่อยครั้ง แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้ว ผลกระทบสามารถแผ่กว้างไปได้ไกลกว่าที่เราคิดมากทีเดียว
